AIT, TFI, GFPT http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=0
TR, AH, PREB, NVL, SC, CSC http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=30
S&P, DRACO, BGT, http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=60
PTTAR, (พี่ลูกอีสานถกแนวคิดการลงทุนกับพี่ฉัตรชัย !!!http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=90
SVI, SNC (version dilute 555), MFEC http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=120
MJD, PTL http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=150
CWT, CPF, SCB, STPI http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=180
BLA, SCNYL http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=240
TRC, UEC http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=270
EGCO http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=300
BWG, UMS, MINT, BH, BGH, SCC, AOT, SCNYL(Version2),SABINA
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=330
SAT, LPN, SPALI http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=360
GSTEEL, VNT, MAJOR, SVI (Version2), CSL
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=390
LANNA, BGH, LRH http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=420
TNH, BGH, SIS, UMS, CPALL, SVI, IT, ILINK, AIT, WG, UVAN, TFD, TR, SAT,STANLY,MINT http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=450
CK, TTW, BECL, BMCL, SEAN, UVAN, SCNYL, AYUD, TIP, BKI, SCSMG, NKI, THRE (รวมมิตรหุ้นประกันภัย) http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=480
D1, ticon , advanc , makro , prin , pttep ,bafs,cpn, aeonts, AIM http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=540
AKR, TASCO, KCE http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=570
mint(ด้านโรงแรม), AHC, CK http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=600
LANNA, BANPU, THCOM, MJD, DTAC http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=630
SCNYL, CSC, ALUCON, AKR, SOLAR, HMPRO http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.phpt=33509&postdays=0&postorder=asc&start=660
ACL, BT, CIG, PSL, TTL (หุ้นกลุ่มเดินเรือ), เลือกหุ้นปันผล ดูอย่างไร, เลือกหุ้นกลุ่มก่อสร้าง http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=690
GFM, LVT, CPF, หุ้นวัฎจักร, SPACK http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=720
CNS, SLC, UPF http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=750
UMS, STANLY, PYLON, DRT http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=780
UEC, PAF http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=810
TSC, BAFS http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=840
TTW, KH, BIGC, TFUND, STPI, TICON, MAJOR http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=870
PM, TMT http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=900
KCAR, PL http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=930
IT, SE-ED http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=960
KH, BGH, BH, TTCL, GLOBAL http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=990 I
RP, MODERN, GLOW http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1020
jmart, AMATA, BGT http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1050
KYE http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1070
TVO http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1140
TIP, THRE, MTI, SCSMG, PB, PR, TWFP, TRC http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1170
CPF, TYONG, TTA , PSL , RCL, DEMCO http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1200
TCB, TR, BLA, SSF, QLT, TNDT http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1230
TIPCO, TMW, TPAC http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1260
AS, EGCO http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1290
การควบรวมกิจการ, กองทุนอสังหาม, BCP http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1320
การเลี้ยงดูลูก, TEAM, หุ้นกลุ่มนิคม http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1350
BLAND, CPALL&MINT, TISCO, KK, TUF, ROJANA, แนวVI กับวิกฤตเศรษฐกิต http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1380
การลงทุนแบบ DCA -Dollar cost average, CENTEL, BIGC, MAKRO, TRT http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1410
BLAND, KK, LTF & RMF, คติพจน์ในดำเนินชีวิตของพี่โจ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1440
มุมมองต่อการศึกษา, BOL, MODERN http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1470
SVI, DRACO, SMT, HANA http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1500
หุ้นวัฐจักร, หุ้น Turn around, PDI, TRC http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=33509&postdays=0&postorder=asc&start=1560
Sunday, December 6, 2009
Sunday, July 5, 2009
Monday, August 4, 2008
Value Investor ใหม่ ๆ
Value Investor ใหม่ ๆ หลายคนมักจะมีปัญหาในการหาหุ้นที่จะลงทุน หลายคนเริ่มจากการลงทุนตาม Value Investor ที่เป็น “เซียน” โดยเฉพาะตามเวบไซต์หุ้นต่าง ๆ ผลที่ออกมาก็คือ พวกเขามักจะขาดทุนมากกว่ากำไร เหตุผลก็คือ หุ้นตัวที่เขาซื้อลงทุนนั้นมักจะเป็นหุ้น Value ที่ “ร้อนแรง” และมีการพูดถึงกันมากและราคาขึ้นไปสูงและเร็วมากแล้ว ปัญหาของหุ้นเหล่านั้นที่ผมพบบ่อยก็คือ ข้อแรก ราคาหุ้นค่อนข้างสูงถึงสูงมากเมื่อวัดโดยค่า PB หรือราคาหุ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี เช่นสูงถึง 4-5 เท่าขณะที่ค่าเฉลี่ยของหุ้นทั้งตลาดคือประมาณ 1.5- 2 เท่า ข้อสอง คุณภาพของกิจการของบริษัทไม่ดีอย่างที่มีการวิเคราะห์กัน พูดกันชัด ๆ ก็คือ ไม่ได้มีการวิเคราะห์อย่าง “รอบด้าน” หรือทุกประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับคุณภาพของบริษัท พูดง่าย ๆ ดูเฉพาะบางประเด็นและบางทีก็อาจจะไม่ถูกต้องด้วย ข้อสรุปก็คือ Value Investor ใหม่คนนั้นเข้าไปซื้อหุ้นของกิจการที่มีคุณภาพธรรมดา ๆ หรือคุณภาพต่ำในราคาที่สูง ผลก็คือ เขาขาดทุน วิธีที่จะวิเคราะห์ว่าคุณภาพของกิจการนั้นดีหรือไม่นั้นผมเองเคยพูดไว้หลายครั้งแต่อาจจะไม่ได้กำหนดเป็นข้อ ๆ อย่างชัดเจนและอาจจะไม่ครอบคลุมทุกประเด็น ดังนั้น ผมจึงอยากที่จะเขียนอีกครั้งหนึ่งโดยพยายามที่จะครอบคลุมประเด็นสำคัญทั้งหมดเพื่อที่นักลงทุนจะไม่พลาดที่จะวิเคราะห์เรื่องใดเรื่องหนึ่งและทำให้การสรุปผลการวิเคราะห์ผิดพลาด การวิเคราะห์คุณภาพของกิจการนั้น เราจะต้องดูประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญดังต่อไปนี้ ข้อหนึ่ง ต้องดูว่าบริษัทมี DCA หรือความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนหรือไม่ ใจความสำคัญก็คือ คำว่า “ยั่งยืน” เพราะในบ่อยครั้ง เราจะพบว่าบริษัทมีความได้เปรียบคู่แข่งอาจจะเพราะว่าบริษัทเริ่มทำก่อนในขณะที่คู่แข่งคนอื่นยังไม่ทันคิดทำ แต่ถ้าสิ่งที่บริษัททำนั้นคู่แข่งสามารถเลียนแบบได้ไม่ยาก การได้เปรียบนั้นก็อาจจะไม่ยั่งยืน ถ้าเป็นแบบนี้ “คะแนน”เรื่องคุณภาพก็หายไปมาก และนี่เป็นคะแนนที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง ข้อสอง ต้องดูว่าผลการดำเนินงานหรือกำไรของบริษัทนั้นเราสามารถคาดการณ์ได้ด้วยความแม่นยำหรือไม่ คำว่าแม่นยำนี้ไม่ใช่ว่าเราเป็นคนที่คำนวณเก่งหรือมีความสามารถพิเศษ แต่หมายถึงว่าลักษณะของธุรกิจนั้นมีลักษณะที่มีความสม่ำเสมอหรือมั่นคงและไม่ถูกกระทบโดยปัจจัยที่คาดการณ์ไม่ได้มากนัก โดยทั่วไป ธุรกิจที่มีสัดส่วนของการ “ซื้อซ้ำ” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Recurring Revenue สูง เช่นสินค้าอาหารหรือของใช้หรือบริการประจำวันที่สิ้นเปลือง หรืออย่างในกรณีที่บริษัทเป็นเจ้าของพื้นที่อาคารให้เช่าที่ลูกค้ามักต่อสัญญาเช่า เหล่านี้ถือว่าเป็นกิจการที่เราสามารถคาดการณ์ผลการดำเนินงานได้ค่อนข้างแม่นยำ ถือว่าเป็นกิจการที่มีคุณภาพดี ในขณะที่การขายบ้านจัดสรรหรือธุรกิจรับเหมาก่อสร้างนั้น ผู้ใช้คนเดิมมักจะไม่กลับมาซื้อหรือใช้บริการอีกในปีหน้า กรณีหลังถือว่าคุณภาพของกิจการด้อยกว่า ข้อสาม ธุรกิจคุณภาพดีนั้น มีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดสูง นั่นก็คือ ธุรกิจที่มักจะไม่ต้องลงทุนมากในการที่จะรักษายอดขายหรือขยายกิจการต่อไป เงื่อนไขข้อนี้ทำให้กิจการที่เป็น Capital Intensive เช่นพวกโรงงานที่ต้องลงทุนสูงในการสร้างมักจะเสียเปรียบในเรื่องคุณสมบัติข้อนี้ เช่นเดียวกัน กิจการที่ต้องให้เครดิตลูกค้ายาวในขณะที่เวลาซื้อสินค้าต้องจ่ายเป็นเงินสด เช่น พวกผู้ค้าส่งที่ต้องนำสินค้าจากต่างประเทศมาขายให้กับตัวแทนจำหน่ายในประเทศก็มักจะมีกระแสเงินสดที่ไม่ดี ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจที่ขายปลีกเวลาขายมักจะรับเงินสดแต่เวลาซื้อสินค้าจาก Supplier กลับจ่ายเชื่อเป็นเดือน ๆ แบบนี้ก็ถือว่าเป็นคุณสมบัติด้านคุณภาพที่ดี ส่วนกิจการที่ซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อและขายสินค้าก็เป็นเงินเชื่อพอ ๆ กันก็ถือว่าเป็นคุณภาพปกติ ข้อสี่ คุณภาพของบริษัทนั้นต้องดูถึงฐานะทางการเงินด้วย โดยทั่วไปมักจะดูที่หนี้จากสถาบันการเงินที่บริษัทกู้มา เช่น ถ้าหนี้มากเป็นหนึ่งเท่าของส่วนของทุนจากผู้ถือหุ้น แบบนี้ก็อาจจะพูดว่าคุณภาพข้อนี้ไม่ดี แต่ตัวเลขที่ดีกว่าอาจจะดูว่าหนี้นั้นเมื่อเปรียบเทียบกับกำไรของบริษัทแล้ว ต้องใช้เวลากี่ปีถึงจะชดใช้ได้หมด เช่นมีหนี้ 1,000 ล้าน กำไรปีละ 250 ล้าน แปลว่าแปลว่าภายใน 4 ปีก็สามารถใช้หนี้ได้หมด แบบนี้ก็อาจจะมองว่าหนี้ยังไม่มากเกินไปพอรับได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ไม่มีหนี้จากสถาบันการเงินเลยต้องถือว่ามีคุณภาพดี และถ้าแถมบริษัทมีเงินสดมากด้วย แบบนี้ก็ถือว่า คุณภาพในข้อนี้บริษัทได้คะแนนเต็ม ข้อห้า คุณภาพดูได้จากกำไรต่อส่วนของทุนหรือ ROE นี่คือความสามารถที่บริษัทจะทำกำไรคุ้มค่าเงินทุนที่บริษัทลงไป ธุรกิจที่มี ROE ต่ำหรือต่ำมากนั้น ว่าโดยทางทฤษฎีแล้วไม่ควรทำธุรกิจเลยไม่ต้องพูดถึงว่าจะขยายงาน เพราะทำไปแล้วก็ไม่คุ้มสู้จ่ายเงินทุนคืนเจ้าของไปจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม เวลาดูตัวเลข ROE ควรดูด้วยว่าบริษัทไม่ได้กู้เงินมากที่ทำให้บางครั้ง ROE ดูสูงแต่จริง ๆ แล้วเป็นการเอาเงินคนอื่นมาใช้ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตราย โดยปกติ ROE อย่างต่ำควรจะประมาณ 12-13% ขึ้นไป ถ้าต่ำกว่า 10% ต้องถือว่าคุณภาพแย่ สุดท้ายที่สำคัญก็คือ ผู้บริหาร การวิเคราะห์คุณภาพของกิจการในเรื่องของผู้บริหารนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากและก็ทำได้ยากมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทอยู่ในตลาดมานาน การติดตามผลการดำเนินงานและการตัดสินใจต่าง ๆ ของบริษัทโดยเฉพาะในเรื่องของการจัดสรรผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นสิ่งที่ช่วยบอกถึงคุณภาพของผู้บริหารได้ไม่น้อย ประเด็นสำคัญที่ต้องระวังสำหรับ Value Investor ก็คือ อย่าใช้ภาพพจน์หรือความรู้สึกของเราเป็นเครื่องตัดสิน บ่อยครั้งเราจะรู้สึกประทับใจกับผู้บริหารบางคนเป็นพิเศษจากการได้ฟังได้สัมผัสทำให้เราคิดว่าเขาเป็นผู้บริหารที่มีคุณภาพทั้งด้านการบริหารและบรรษัทภิบาล ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ตรงกันข้าม บางครั้ง เรามีความรู้สึกที่ไม่ดีหรือได้ฟังว่าผู้บริหารบางคนดูไม่น่าไว้วางใจ แต่เราก็ไม่เคยตรวจสอบดูว่าเขาได้ทำอะไรที่ไม่ดีจริงไหมในเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท และนั่นก็คือ Check List หรือรายการที่สำคัญในการวิเคราะห์คุณภาพของกิจการที่เราต้องทำกับทุกบริษัทที่เราสนใจจะลงทุน หัวใจสำคัญก็คือ เราต้องวิเคราะห์ด้วยความเป็นกลางมากที่สุด ไม่รัก ไม่เกลียด ไม่เชื่อคนอื่น และไม่ใช้ความรู้สึกนึกคิดของตนเองเป็นตัวตัดสิน
Monday, June 30, 2008
การที่ตัดสินใจลงทุนถาวร
คุณลูำกอีสาน Say :
Saturday, February 9, 2008
สูตร
ที่มาของสูตรนี้ มีเหตุมีผลตรงตามนิยามของการลงทุนเน้นคุณค่าเลยครับ อาจเป็นเพราะผู้เขียนก็เป็นคนที่ศรัทธาในการลงทุนแนวนี้ โดยการเสนอเป็นสูตรให้เข้าใจง่ายอย่างนี้ครับ
1.เลือกหุ้นที่ดี สามารถใช้สินทรัพย์สร้างกำไรได้สูงสุด ซึ่งเราสามารถหาได้จากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ซึ่งก็คือ ROA นั่นเอง หาได้ไม่ยาก โดยนำกำไร/สินทรัพย์ทั้งหมด คิดออกมาเป็น%
2.เลือกหุ้นที่ถูก ซึ่งก็คือหุ้นที่สร้างผลตอบแทนต่อเงินที่เราลงทุนได้สูงสุด อัตราส่วนนี้ก็คือ PE ที่เราใช้นั่นเอง หาได้จาก กำไร/มูลค่าทั้งบริษัท หรือกำไรต่อหุ้น/ราคาหุ้น คิดออกมาเป็น % จะเห็นได้ว่าตรงกับความหมายของ vi คือเลือกหุ้นที่ดีราคาถูก วิธีการก็ง่ายๆอย่างนี้ครับ... 1.เรียงลำดับหุ้นที่มี ROA สูงสุด ลดหลั่นกันไปตามลำดับของหุ้นทั้งตลาด 400 ตัว 2.เรียงลำดับหุ้นที่มี PE ต่ำสุดเป็นอันดับแรก และลดหลั่นกันไป
3.นำลำดับทั้งสองตัวมีบวกกัน แล้วเรียงลำดับใหม่ให้ตัวเลขน้อยที่สุดเป็นอันดับแรก และลดหลั่นกันไป 4.คัดบริษัทที่มีกำไรผิดปกติออกไป 5.เลือกลงทุนหุ้นที่อยู่ใน 30 อันดับแรก ซื้อและขายใน 1 ปีต่อมา ง่ายๆแค่นี้ครับ.....
1.เลือกหุ้นที่ดี สามารถใช้สินทรัพย์สร้างกำไรได้สูงสุด ซึ่งเราสามารถหาได้จากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ซึ่งก็คือ ROA นั่นเอง หาได้ไม่ยาก โดยนำกำไร/สินทรัพย์ทั้งหมด คิดออกมาเป็น%
2.เลือกหุ้นที่ถูก ซึ่งก็คือหุ้นที่สร้างผลตอบแทนต่อเงินที่เราลงทุนได้สูงสุด อัตราส่วนนี้ก็คือ PE ที่เราใช้นั่นเอง หาได้จาก กำไร/มูลค่าทั้งบริษัท หรือกำไรต่อหุ้น/ราคาหุ้น คิดออกมาเป็น % จะเห็นได้ว่าตรงกับความหมายของ vi คือเลือกหุ้นที่ดีราคาถูก วิธีการก็ง่ายๆอย่างนี้ครับ... 1.เรียงลำดับหุ้นที่มี ROA สูงสุด ลดหลั่นกันไปตามลำดับของหุ้นทั้งตลาด 400 ตัว 2.เรียงลำดับหุ้นที่มี PE ต่ำสุดเป็นอันดับแรก และลดหลั่นกันไป
3.นำลำดับทั้งสองตัวมีบวกกัน แล้วเรียงลำดับใหม่ให้ตัวเลขน้อยที่สุดเป็นอันดับแรก และลดหลั่นกันไป 4.คัดบริษัทที่มีกำไรผิดปกติออกไป 5.เลือกลงทุนหุ้นที่อยู่ใน 30 อันดับแรก ซื้อและขายใน 1 ปีต่อมา ง่ายๆแค่นี้ครับ.....
Wednesday, October 31, 2007
ของพี่ครรชิต
สูตรการหา มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) ของแกรแฮม มีดังนี้
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) = E(2r+8.5)*4.4/Y
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) = EPS(2*อัตราเปลี่ยนแปลงของกำไร+P/Eอ้างอิง)*ค่าคงที่(4.4)/อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) = EPSปีที่ผ่านมา*(P/Eที่คาดการณ์ในอนาคต)*4.4/อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
E = ผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทปีสุดท้าย (EPS)
อย่างเช่น EPS 46 = 8
r = คาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไร
อย่างเช่น ถ้า EPS 46 = 8
และเราคาดการณ์ว่า EPS 47 = 9
ฉนั้น r = (9-8 )/8 = 0.125
การคูณด้วย 2 ผมเดาเอาว่า แกรแฮม คงคาดว่า
ค่า P/E จะเปลี่ยนแปลงเป็น 2 เท่าของการเปลี่ยนแปลงของ EPS เสมอ
เนื่องจาก ตลาดมักตอบสนองเกินจริง เสมอ
Y = ผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับในระดับ AAA
อย่างเช่น หุ้นกู้ของ SCC084A ผลการจัดอันดับ A(tha) (FITCH)
อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยคงที่ เท่ากับร้อยละ 4.25 ต่อปี
ก็อาจใช้ตัวเลขนี้ก็ได้
ตัวเลข 8.5 เป็นตัวเลขที่แกรแฮมเชื่อว่าเป็น ค่า P/E ที่ควรจะเป็นของบริษัทที่ไม่มีการเติบโต
(ซึ่งอันนี้แล้วแต่ความคิดของแต่ละบุคคลแล้วแต่หมวดธุรกิจอาจเป็น 10,12,15,20)
แต่ ตัวเลข 4.4 มาจากสมมุติฐานไหนไม่ได้บอกไว้
ผมเดาว่า น่าจะใช้ อัตราปันผลของปีที่แล้ว
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) = 8*(2*0.125+8.5)*4.4/4.25 = 72.47 บาท
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) ควรอยู่ที่เท่าใด
แล้วดูว่า ราคาตลาด อยู่สูงหรือต่ำ ถูกหรือแพง กว่า มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) ที่เราหาได้นี้
ผมเองก็ไม่เคยสนใจ ไม่เคยคิดหา Intrinsic Value ตามสูตรนี้ สักที่
ผมดูแต่จากประวัติงบดุล
ดูการเจริญเติบโตของ EPS
ดูว่าเป็นธุรกิจที่ดีหรือเปล่าโดยดูที่ ROA% ROE% PM% ต้องสูงเข้าไว้
แล้วมาดูว่ายังราคาถูกอยู่หรือเปล่าที่ P/E ฺP/BV อัตราการจ่ายปันผล
ดูรวมๆแล้ว ถ้าพอใจก็ซื้อ
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) = E(2r+8.5)*4.4/Y
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) = EPS(2*อัตราเปลี่ยนแปลงของกำไร+P/Eอ้างอิง)*ค่าคงที่(4.4)/อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) = EPSปีที่ผ่านมา*(P/Eที่คาดการณ์ในอนาคต)*4.4/อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง
E = ผลกำไรต่อหุ้นของบริษัทปีสุดท้าย (EPS)
อย่างเช่น EPS 46 = 8
r = คาดการณ์อัตราการเติบโตของผลกำไร
อย่างเช่น ถ้า EPS 46 = 8
และเราคาดการณ์ว่า EPS 47 = 9
ฉนั้น r = (9-8 )/8 = 0.125
การคูณด้วย 2 ผมเดาเอาว่า แกรแฮม คงคาดว่า
ค่า P/E จะเปลี่ยนแปลงเป็น 2 เท่าของการเปลี่ยนแปลงของ EPS เสมอ
เนื่องจาก ตลาดมักตอบสนองเกินจริง เสมอ
Y = ผลตอบแทนของตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับในระดับ AAA
อย่างเช่น หุ้นกู้ของ SCC084A ผลการจัดอันดับ A(tha) (FITCH)
อัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยคงที่ เท่ากับร้อยละ 4.25 ต่อปี
ก็อาจใช้ตัวเลขนี้ก็ได้
ตัวเลข 8.5 เป็นตัวเลขที่แกรแฮมเชื่อว่าเป็น ค่า P/E ที่ควรจะเป็นของบริษัทที่ไม่มีการเติบโต
(ซึ่งอันนี้แล้วแต่ความคิดของแต่ละบุคคลแล้วแต่หมวดธุรกิจอาจเป็น 10,12,15,20)
แต่ ตัวเลข 4.4 มาจากสมมุติฐานไหนไม่ได้บอกไว้
ผมเดาว่า น่าจะใช้ อัตราปันผลของปีที่แล้ว
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) = 8*(2*0.125+8.5)*4.4/4.25 = 72.47 บาท
มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) ควรอยู่ที่เท่าใด
แล้วดูว่า ราคาตลาด อยู่สูงหรือต่ำ ถูกหรือแพง กว่า มูลค่าที่แท้จริง(Intrinsic Value) ที่เราหาได้นี้
ผมเองก็ไม่เคยสนใจ ไม่เคยคิดหา Intrinsic Value ตามสูตรนี้ สักที่
ผมดูแต่จากประวัติงบดุล
ดูการเจริญเติบโตของ EPS
ดูว่าเป็นธุรกิจที่ดีหรือเปล่าโดยดูที่ ROA% ROE% PM% ต้องสูงเข้าไว้
แล้วมาดูว่ายังราคาถูกอยู่หรือเปล่าที่ P/E ฺP/BV อัตราการจ่ายปันผล
ดูรวมๆแล้ว ถ้าพอใจก็ซื้อ
Thursday, September 20, 2007
First
ผมอ่านใน web board บทความ ของ www.thavi.com เเล้วรุ้สึกถึงความเป็นนักลงทุนในหุ้นระยะยาว ลงทุนพื้นฐาน ดีเเบบ Value Investorมันต้องอาศัยความอดทนเเละจิตใจที่เยือกเย็นรอ....รอเฝ้ารอเหมือนการ
ตกปลารอให้่ปลามากิน(รอราคาหุ้นพื้นฐานดีๆๆ)เเละถือให้ยาวจนให้บริษัทเเสดงศักยภาพออกมา ประมาณ 1-3ปี(ตำราเค้าว่ากันอย่างนั้น)เเละที่สำคัญกว่านั้นจะต้องมีการเปรียบเชิงเเข็งขันโดยเเบบยั้งยืนอีก....ยากจริงเหนอ
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจะต้อง
(1) เลือกหุ้นที่ดีๆ มี growth สูงๆ
(2) อดทนรอราคาซื้อที่เหมาะสม
(3) ลุยซื้อ
(4) exit หรือ cut loss ถ้าตัดสินใจพลาด
(5) อดทนรอกำไรที่จะได้รับ
(6) ปรับปรุงพอร์ตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ผมมีวิธีจำกัดความเสี่ยงแบบนี้ครับ สองข้อ ง่าย ๆ
1. งบการเงินย้อนหลังสามปีขึ้นไป
-กำไรต่อเนื่อง เพิ่มทุกปียิ่งดี
- roa roe npm yield growth
สูตรก้อ 15 15 10 5 10 ตามลำดับ ยิ่งสูงยิ่งดี
- อัตราส่วนกำไรสุทธิ ต่อหนี้สินระยะยาว
- กระแสเงินสด ถ้าเป็นแคชคอมปานี ยิ่งแจ๋ว
ไม่ว่าจะวีไอวีเอส จะต้องทำทั้งหกข้อนี้ ก็เหมือนการทำสงคราม
แหละครับ
ส่วนที่แตกต่างกันไปแต่ละคนคือ tactics ในการเลือกหุ้นเอง
บางคนเลือกเพราะกราฟสวย บ้างก็เลือกเพราะผลงานในอดีตดี
บ้างก็เพราะกำไรสะสมเยอะ
ส่วนราคาที่เหมาะสม บ้างก็ดูจากกราฟ บ้างก็ดู p/e p/bv บ้างก็
ดู peg บ้างก็ดู dcf
tactics ในการ exit ก็ต่างกัน บางคนตั้งจุด cut loss จากราคา บ้าง
ก็ดูผลประกอบการ บ้างก็ดู macro/micro economy trend บางคน
ก็ดูนักวิเคราะห์พูด
ส่วนกำไรแต่ละคนก็ต้องการไม่เหมือนกัน บางคนรอปันผลอย่างเดียว
บางคนรอ capital gain อย่างเดียว บางคนรอมันทั้งสองอย่าง
จากประสบการณ์พบว่า (ประสบการณ์คนอื่นนะครับ)
การวิเคาระห์หุ้น ใครก็ทำได้
การหามูลค่าหุ้น ใครก็ทำได้
การซื้อขายหุ้น ใครก็ทำได้
แต่การมีจิตใจที่ไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนของราคาหุ้น มีน้อยคนที่ทำได้
ดังนั้น อยากบอกว่า
ในความเห็นของผม จิตใจสำคัญที่สุดในการลงทุนครับ
ตกปลารอให้่ปลามากิน(รอราคาหุ้นพื้นฐานดีๆๆ)เเละถือให้ยาวจนให้บริษัทเเสดงศักยภาพออกมา ประมาณ 1-3ปี(ตำราเค้าว่ากันอย่างนั้น)เเละที่สำคัญกว่านั้นจะต้องมีการเปรียบเชิงเเข็งขันโดยเเบบยั้งยืนอีก....ยากจริงเหนอ
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จจะต้อง
(1) เลือกหุ้นที่ดีๆ มี growth สูงๆ
(2) อดทนรอราคาซื้อที่เหมาะสม
(3) ลุยซื้อ
(4) exit หรือ cut loss ถ้าตัดสินใจพลาด
(5) อดทนรอกำไรที่จะได้รับ
(6) ปรับปรุงพอร์ตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ผมมีวิธีจำกัดความเสี่ยงแบบนี้ครับ สองข้อ ง่าย ๆ
1. งบการเงินย้อนหลังสามปีขึ้นไป
-กำไรต่อเนื่อง เพิ่มทุกปียิ่งดี
- roa roe npm yield growth
สูตรก้อ 15 15 10 5 10 ตามลำดับ ยิ่งสูงยิ่งดี
- อัตราส่วนกำไรสุทธิ ต่อหนี้สินระยะยาว
- กระแสเงินสด ถ้าเป็นแคชคอมปานี ยิ่งแจ๋ว
ไม่ว่าจะวีไอวีเอส จะต้องทำทั้งหกข้อนี้ ก็เหมือนการทำสงคราม
แหละครับ
ส่วนที่แตกต่างกันไปแต่ละคนคือ tactics ในการเลือกหุ้นเอง
บางคนเลือกเพราะกราฟสวย บ้างก็เลือกเพราะผลงานในอดีตดี
บ้างก็เพราะกำไรสะสมเยอะ
ส่วนราคาที่เหมาะสม บ้างก็ดูจากกราฟ บ้างก็ดู p/e p/bv บ้างก็
ดู peg บ้างก็ดู dcf
tactics ในการ exit ก็ต่างกัน บางคนตั้งจุด cut loss จากราคา บ้าง
ก็ดูผลประกอบการ บ้างก็ดู macro/micro economy trend บางคน
ก็ดูนักวิเคราะห์พูด
ส่วนกำไรแต่ละคนก็ต้องการไม่เหมือนกัน บางคนรอปันผลอย่างเดียว
บางคนรอ capital gain อย่างเดียว บางคนรอมันทั้งสองอย่าง
จากประสบการณ์พบว่า (ประสบการณ์คนอื่นนะครับ)
การวิเคาระห์หุ้น ใครก็ทำได้
การหามูลค่าหุ้น ใครก็ทำได้
การซื้อขายหุ้น ใครก็ทำได้
แต่การมีจิตใจที่ไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนของราคาหุ้น มีน้อยคนที่ทำได้
ดังนั้น อยากบอกว่า
ในความเห็นของผม จิตใจสำคัญที่สุดในการลงทุนครับ
Subscribe to:
Posts (Atom)